Princess Crown
การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
welcome to blogger praweena :)

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 11 วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 11วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560


เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ
  • ขึ้นเนื้อหาใหม่เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการศึกษา
  • เข้าสู่เนื้อหา
รูปแบบการจัดการศึกษา
  1. การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
  2. การศึกษาพิเศษ (Special Education)
  3. การศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
  4. การศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)

คลิปวิดีโอของรูปแบบการจัดการศึกษา
ของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ



    การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 
    • เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา

    ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
    • การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป 
    • มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
    • ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
    • ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน

    การเรียนร่วมบางเวลา (Integration) 
    • การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
    • เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ 
    • เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้ 

    การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming) 
    • การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน 
    • เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ

    ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
    • การศึกษาสำหรับทุกคน
    • รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา 
    • จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล

    Wilson , 2007
    • การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก 
    • การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
    • กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้ 
    • เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง
     "Inclusive Education is Education for all, It involves receiving people at the beginning of their education, with provision of additional services needed by each individual"

    สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
    • เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
    • เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
    • เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน  (Education for All)
    • การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 
    • เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก
    • เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน 
    • ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก

    ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวม สำหรับเด็กปฐมวัย
    • ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
    • “สอนได้”
    • เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด

    บทบาทครูปฐมวัย ในห้องเรียนรวม

    ครูไม่ควรวินิจฉัย
    • การวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง
    • จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้
    • ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
    • เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
    • ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
    • เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ

    ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
    • พ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหา
    • พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
    • ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ
    • ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
    • ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา

    ครูทำอะไรบ้าง
    • ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
    • ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย

    สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
    • จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ

    สังเกตอย่างมีระบบ
    • ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู
    • ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า
    • ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา

    การตรวจสอบ
    • จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร
    • เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น
    • บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ

    ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
    • ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
    • ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
    • พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป

    การบันทึกการสังเกต
    • การนับอย่างง่ายๆ
    • การบันทึกต่อเนื่อง
    • การบันทึกไม่ต่อเนื่อง

    การนับอย่างง่ายๆ
    • นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม
    • กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง
    • ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม











    การบันทึกต่อเนื่อง

    • ให้รายละเอียดได้มาก
    • เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
    • โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ


    การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
    • บันทึกลงบัตรเล็กๆ
    • เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง

    การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
    • ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
    • พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ

    การตัดสินใจ

    • ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
    • พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่

    กิจกรรมการวาดภาพดอกบัว

    เงื่อนไข คือ ให้มองที่ภาพเก็บรายละเอียดที่ได้จากภาพให้มากที่สุด แล้ววาดภาพให้ออกมาเหมือนกับในภาพมากที่สุด พร้อมกับเขียนถึงสิ่งที่เรามองเห็นตามจินตนาการ




    ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้

    สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการที่ได้เรียนทฤษฎีเนื้อหาของเด็กเรียนรวม และได้ทราบถึงประเภทและลักษณะต่างๆของเด็กพิเศษที่แตก่างกันออกไป เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการศึกษา ซึ่งสามารถที่จะนำไปปฏิบัติการเรียนการสอนกับเด็กปกติและเด็กพิเศษในอนาคตได้

    การประเมินผล

    ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษ และได้ทราบประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมไปถึงรูปแบบการจัดการศึกษา อีกด้วยค่ะ

    ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเรียน และตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมถึงประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมไปถึงรูปแบบการจัดการศึกษา 


    ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการเรียนการสอนของหลักการทฤษฎีเบื้องต้น ความหมายและประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมไปถึงรูปแบบการจัดการศึกษา  มาบรรยายให้ความรู้ในวันนี้ รวมไปถึงการนำตัวอย่างรูปภาพและคลิปวิดีโออีกด้วยค่ะ

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น