Princess Crown
การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
welcome to blogger praweena :)

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 16วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 16วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560



เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ
  • การเรียนการสอนวันนี้ อาจารย์สอนเขียนแผน IEP โดยอาจารย์สอนนักศึกษาเขียนแผนไปพร้อมๆ กับอาจารย์ เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจทีละขั้นตอน

ตัวอย่าง แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล











  • จากนั้นอาจารย์เอาสื่อการสอนเรื่อง พิซซ่า มาให้ดู เพื่อทำกิจกรรมในสัปดาห์ถัดไป











ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้

สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการที่ได้เรียนเรื่องของการเขียนแผน IEP ว่ามีวิธีการเขียนอย่างไร

การประเมินผล

ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี  เกี่ยวกับการเขียนแผน IEP

ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเรียน และตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เกี่ยวกับการเขียนแผน IEP

ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการเรียนการสอนของหลักการทฤษฎีเกี่ยวกับการเขียนแผน IEP มีทั้งสื่อการสอนต่างๆ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น มีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย สอนเข้าใจง่าย มีกิจกรรมมาให้นักศึกษาทำ

วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 15 วันพุธที่ 12เมษายน พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 15วันพุธที่ 12เมษายน พ.ศ. 2560



เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ
***ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจาก หยุดชดเชยวันสงกรานต์***

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 14 วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 14วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560



เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ

***ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ไปราชการที่จังหวัดอ่างทอง***

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 13 วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 13วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560



เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ

  • ก่อนเริ่มการเรียนการสอนอาจารย์ให้ทำกิจกรรมดังต่อไปนี้   กิจกรรมที่ 1 มือของฉัน โดยอาจารย์ให้นักศึกษาวาดมือของตนเอง แล้วให้เพื่อนทายว่าเป็นมือของใคร



  • กิจกรรมที่ 2 วงกลมหลากสี โดยอาจารย์ให้นักศึกษาใช้สีเทียนวาดรูปวงกลม โดยใช้สีที่ตนเองชอบ เพื่อทายนิสัยของแต่ละสี

หลังจากนั้นอาจารย์ให้นักศึกษาทุกคนนำวงกลมมาติดเพื่อสร้างเป็นต้นไม้ของห้องเรียน
ต้นไม้นี้มีชื่อว่า "ต้นไม้แห่งจิตใจของห้องเรียน"







โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program)
แผน IEP
 แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
• เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
• ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
• โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก
การเขียนแผน IEP
 คัดแยกเด็กพิเศษ
• ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
• ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด 
• เด็กสามารถทำอะไรได้  เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
• แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP
IEP ประกอบด้วย
 ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
• ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
• การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
• เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้นระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของ
แผน
• วิธีการประเมินผล
ประโยชน์ต่อเด็ก
• ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
• ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
• ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
• ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
ประโยชน์ต่อครู
• เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
• เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
• ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
• เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
• ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
• ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
• ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
• เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
1. การรวบรวมข้อมูล
 รายงานทางการแพทย์
• รายงานการประเมินด้านต่างๆ
• บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดทำแผน
 ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
• กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
• กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
• จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดจุดมุ่งหมาย
• ระยะยาว
• ระยะสั้น
จุดมุ่งหมายระยะยาว
• กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง
– น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
– น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
– น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้
จุดมุ่งหมายระยะสั้น
 ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
• เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
• จะสอนใคร
• พฤติกรรมอะไร
• เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
• พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน
ตัวอย่าง
• ใคร  
• อะไร 
• เมื่อไหร่ ที่ไหน  
• ดีขนาดไหน 
• ใคร 
• อะไร  
• เมื่อไหร่ ที่ไหน
• ดีขนาดไหน 






3. การใช้แผน
 เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
• นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
• แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
• จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอ
• ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
1.ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ       
2.ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
3.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
4. การประเมินผล
• โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
• ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม  อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**

การจัดทำ IEP


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้

สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการที่ได้เรียนเรื่องของการเขียนแผน IEP ว่ามีวิธีการเขียนอย่างไร

การประเมินผล

ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี 

ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเรียน และตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี 

ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการเรียนการสอนของหลักการทฤษฎีเบื้องต้น มีทั้งสื่อการสอนต่างๆ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น มีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย สอนเข้าใจง่าย มีกิจกรรมมาให้นักศึกษาทำ

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 12 วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 12วันพุธที่ 22มีนาคม พ.ศ. 2560



เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ
  • วันนี้อาจารย์ให้จัดโต๊ะนั่งเป็นรูปตัวยู
  • วันนี้เรียนเรื่อง การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
  • เข้าสู่บทเรียน

การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
  • เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
  • ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด 
  • เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)

1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
• เกิดผลดีในระยะยาว
• เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
• แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(Individualized Education Program; IEP)
• โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
• การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน  (Activity of Daily Living Training)
• การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
• การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)

 3. การบำบัดทางเลือก
• การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
• ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
• ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
• การฝังเข็ม (Acupuncture)
• การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
• การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
• โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
• เครื่องโอภา (Communication Devices)
• โปรแกรมปราศรัย
Picture Exchange 


Communication System 


(PECS)











บทบาทของครู
• ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
• ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
• จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
• ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง 
การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ

1. ทักษะทางสังคม
  •       เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
  •       การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
กิจกรรมการเล่น
• การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
• เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
• ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง

ยุทธศาสตร์การสอน
• เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
• ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
• จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
• ครูจดบันทึก
• ทำแผน IEP

การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
• วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
• คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
• ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
• เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ

รูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
• อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
• ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
• ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
• เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
• ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม







การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
• ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
• ทำโดย “การพูดนำของครู”

ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
• ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
• การให้โอกาสเด็ก
• เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
• ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง

2. ทักษะภาษา
การวัดความสามารถทางภาษา
• เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
• ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
• ถามหาสิ่งต่างๆไหม
• บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
• ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
การออกเสียงผิด พูดไม่ชัด
• การพูดตกหล่น
• การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
• ติดอ่าง

การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
• ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
• ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด”
• อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
• อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
• ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
• เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน

ทักษะพื้นฐานทางภาษา
• ทักษะการรับรู้ภาษา
• การแสดงออกทางภาษา
• การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา










พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก

















ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
• การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
• ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
• ให้เวลาเด็กได้พูด
• คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
• เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
• เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
• ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
• กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
• เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
• ใช้คำถามปลายเปิด
• เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
• ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์(Incidental Teaching)













3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
- การกินอยู่ 
- การเข้าห้องน้ำ 
- การแต่งตัว 
- กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน

การสร้างความอิสระ
• เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
• อยากทำงานตามความสามารถ
• เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่

ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
• การได้ทำด้วยตนเอง
• เชื่อมั่นในตนเอง
• เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี

หัดให้เด็กทำเอง
• ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
• ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
• ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
“ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ ”

จะช่วยเมื่อไหร่
• เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
• หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
• เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
• มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม 



ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)













ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)












ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)














ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)












ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
• แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
• ย่อยงาน
• เรียงลำดับตามขั้นตอน

การเข้าส้วม
• เข้าไปในห้องส้วม
• ดึงกางเกงลงมา
• ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
• ปัสสาวะหรืออุจจาระ
• ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
• ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
• กดชักโครกหรือตักน้ำราด
• ดึงกางเกงขึ้น
• ล้างมือ
• เช็ดมือ
• เดินออกจากห้องส้วม

การวางแผนทีละขั้น
• แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆให้มากที่สุด





สรุป

• ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
• ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ

• ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล

• ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง

• เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ


4.ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
เป้าหมาย
• การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
• มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
• เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
• พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
• อยากสำรวจ อยากทดลอง

ช่วงความสนใจ
• ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
• จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

การเลียนแบบ การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
• เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
• เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
• คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่

การรับรู้ การเคลื่อนไหว
• ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น
• ตอบสนองอย่างเหมาะสม
การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก



















• การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
• ต่อบล็อก
• ศิลปะ
• มุมบ้าน
• ช่วยเหลือตนเอง

ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
• ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่


• รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก



ความจำ
• จากการสนทนา
• เมื่อเช้าหนูทานอะไร
• แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
• จำตัวละครในนิทาน
• จำชื่อครู เพื่อน
• เล่นเกมทายของที่หายไป

การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
• จัดกลุ่มเด็ก
• เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
• ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
• ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
• ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
• ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
• บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
• รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
• มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
• เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
• พูดในทางที่ดี
• จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
• ทำบทเรียนให้สนุก


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้

สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการที่ได้เรียนทฤษฎีเนื้อหาของเด็กเรียนรวม และได้ทราบถึงประเภทและลักษณะต่างๆของเด็กพิเศษที่แตกต่างกันออกไป เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการศึกษาและการส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งสามารถที่จะนำไปปฏิบัติการเรียนการสอนกับเด็กปกติและเด็กพิเศษในอนาคตได้

การประเมินผล

ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษ และได้ทราบประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมไปถึงรูปแบบการจัดการศึกษาและการส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

ประเมินเพื่อน :พื่อนๆตั้งใจเรียน และตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษ

ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการเรียนการสอนของหลักการทฤษฎีเบื้องต้น ความหมายและประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมไปถึงรูปแบบการจัดการศึกษาและการส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ  มาบรรยายให้ความรู้ในวันนี้ รวมไปถึงการนำตัวอย่างรูปภาพและคลิปวิดีโออีกด้วยค่ะ